ห้องอบสี

ห้องอบสี

ห้องอบสี มีความสำคัญมากสำหรับงานสีพ่นอุตสาหกรรมรถยนต์และงานเฟอร์นิเจอร์ การอบสีที่อุณหภูมิที่เหมาะสม มีผลกับความเงางามของชิ้นงานและช่วยลดระยะเวลาในกระบวนการผลิต โดยห้องอบสีในอุตสาหกรรมทั่วไป สามารถแบ่งได้ 3 ประเภทหลักๆ คือ

1. ห้องอบสีระบบอินฟราเรด ( Infrared baking system ) ระบบอบแบบอินฟราเรด ใช้หลักการ การแผ่คลื่นความร้อน มาที่ชิ้นงาน มีทังสเตนเป็นแหล่งกำเนิดความร้อน โดยความร้อนคือรังสีอินฟราเรด 90% อีก 10% คือ รังสีที่มองเห็น การดูดซับรังสีจะแตกต่างกันตามประเภทของวัสดุ, สี, รูปร่าง และ ลักษณะพื้นผิว โดยสามารถแบ่งได้อีก ตามช่วงความยาวคลื่น ดังนี้

1.1 ระบบอบอินฟราเรดแบบคลื่นสั้น ( Short wave Infrared ) อุณหภูมิจะสูงขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็ว เหมาะกับงานให้ความร้อนกับโดยตรงกับชิ้นงาน ในระยะใกล้ โดยสามารถออกแบบได้ทั้งแบบขาตั้งและแบบอุโมงค์อบสี

1.2 ระบบอบอินฟราเรดแบบคลื่นยาว ( Long wave Infrared ) การขึ้นและลงของอุณหภูมิจะช้ากว่าแบบคลื่นสั้น มีทั้งแบบแท่งเซรามิค,,แบบแผ่น และแบบท่อขดให้ความร้อน เป็นการทำให้แห้งจากภายในสู่ภายนอก ข้อดีคือ เป็นพลังงานสะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะด้านฝุ่นละออง หรืออันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ไม่มีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง แต่มีข้อจำกัดเรื่องระยะการอบ, ประเภทชิ้นงาน หรือ การอบชิ้นงานที่โครงสร้างซับซ้อน ดังนั้นก่อนใช้ระบบอบประเภทนี้ ต้องเลือกประเภทอินฟราเรดให้เหมาะสมกับชิ้นงานที่ต้องการอบ

2. ห้องอบสีระบบลมร้อนหมุนเวียน (Air circulation system ) ระบบอบแบบลมร้อนหมุนเวียน หลักการคือให้ความร้อนกับชิ้นงานโดยใช้อากาศเป็นตัวกลาง ในการถ่ายเทความร้อน มีการใช้พัดลม ( Blower ) ในการกวนอากาศก่อนส่งความร้อนเข้าห้องอบ โดยแหล่งกำเนิดความร้อนส่วนมากจะเป็นฮีทเตอร์ไฟฟ้า ( Tubular Heater ) ข้อดีคือ การขึ้นของอุณหภูมิและการกระจายความร้อนของอุณหภูมิจะเร็ว แต่การใช้พลังงานไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการเพิ่มชุดมอเตอร์ในการทำงานเพื่อขับพัดลม และ อาจมีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง ในกรณีที่ห้องอบสีไม่มีมาตรฐานเรื่องฟิลเตอร์กรองฝุ่นที่ดีพอ

            ห้องอบสีที่ดี ต้องได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับประเภทชิ้นงาน, ประเภทของสี, อุณหภูมิที่ใช้งาน ,ความหนาของฉนวนกันความร้อน ,ระบบควบคุมอุณหภูมิและเวลา ให้เหมาะสมกับความต้องการที่ใช้งาน